วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์

มี 2 ประเภท
หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่าหน่วยเก็บข้อมูลหลัก (Primary storage)
 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
2.2.1 หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory - ROM)
       เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึก
ซ้ำได้ (อย่างง่ายๆ) เป็นความจำที่ซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากน่วยความจำ (nonvolatile)
       โดยทั่วไปจะใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้วเช่น เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input output System : BIOS) หรือเฟิร์มแวร์ ที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ใช้เก็บโปรแกรมการทำงานสำหรับเครื่องคิดเลขใช้เก็บโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน
เฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมวงจร ควบคุมในเครื่องซักผ้า เป็นต้น

 
2.2.2 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM)
                เป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็วพอสมควร ซึ่งต่างจากสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆ อย่างเทป หรือดิสก์ ที่มีข้อจำกัดในการอ่านและเขียนข้อมูล ที่ต้องทำตามลำดับก่อนหลังตามที่จัดเก็บไว้ในสื่อ หรือมีข้อกำจัดแบบรอม ที่อนุญาตให้อ่านเพียงอย่างเดียว
                ข้อมูลในแรม อาจเป็นโปรแกรมที่กำลังทำงาน หรือข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล ของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ ข้อมูลในแรมจะหายไปทันที เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ถูกปิดลง เนื่องจากหน่วยความจำชนิดนี้ จะเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้น

 
internal storge หรือเป็นหน่วยเก็บข้อมูลและโปรแกรมชั่วคราว( temporary storage)
เมื่อปิดเคื่รองคอมพิวเตอร์ข้อมูลหรือโปรเเกรมทุกอย่าง ที่เก็บในแรมจะหายไป เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง หน่วยเก็บข้อมูลประเภทนี้จึงเรียกว่า volatile ดังนั้นจัดเก็บข้อมูลอย่างถาวร ไว้ใช้งานในภายหลัง จึงจำเป็นจะตอ้งมีหน่วยเก็บเข้อมูลภายนอกที่เรียกว่า external storage หรือ secondary storage หรือ auxiliary storage ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลสำหรับการประมวลผลไว้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีกระเเส ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง( non-volatile) ก็ตาม

กระบวนการในการเก็บข้อมูล เรียกว่า การเขียนหรือการบันทึกข้อมูล ( writing หรือ recording data)
เนื่องจากว่า อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรอง จะบันทึกข้อมูลในรูปของสื่อต่างๆที่สามารถนำมาเร๊ยกในภายหลังได้ กระบวนการดึงข้อมูลมาใช้เรียกว่า retrieving data เเละถ้าเป็นการอ่านข้อมูลจะเรียกว่า reading data เพราะอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองจะอ่านข้อมูลและถ่ายโอนไปยังหน่วยความจำหลัก เพื่อการประมวลผลต่อไป

การใช้งานคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานต่างๆ จะมีความต้องการอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป เช่น บริษัทประกันและธนาคาร อาจมีความต้องการอุปกรณ์ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าได้จำนวนมาก ในขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาจต้องการอุปกรณ์ ในการจัดเก็บข้อมูลไม่มากนัก

หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Unit)

อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรอง สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

 จานแม่เหล็ก ( magnetic disk storage) 


จานแม่เหล็กเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภท จานแม่เหล็กประกอบด้วยแผ่นพลาสติกหรือโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก ข้อมูลสามารถบันทึกและอ่านจากผิวหน้าที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กนี้ จานแม่เหล็กเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความจุสูง มีความเชื่อถือได้ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ประเภทของจานแม่เหล็ก เช่น ฮาร์ดดิสก์ ( hard disk )

 ฟลอปปี้ดิสก์ ( floppy disks) 
floppy disk
ฟลอปปี้ดิสก์ นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า ดิสก์เกตต์ ( diskettes) หรือดิสก์ ( disks) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่สามารถพกพาและเคลื่อนย้ายได้สะดวก ฟลอปปีดิสก์ ในรุ่นแรก ๆ จะมีขนาด 8 นิ้ว และ 5.25 นิ้ว แต่ปัจจุบันนิยมใช้ขนาด 3.5 นิ้วแต่เดิมฟลอปปีดิสก์เรียกว่า ฟลอปปี ( floppies) เพราะดิสก์มีลักษณะที่บางและยืดหยุ่น แต่ปัจจุบันลักษณะของดิสก์ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เป็นดิสก์ที่หุ้มด้วยแผ่นพลาสติกแข็ง แต่เนื้อดิสก์ภายในยังคงอ่อนเหมือนเดิม จึงเรียกฟลอปปี้เช่นเดิม


   ที่มา: http://www.thaigoodview.com

ความสามารถของคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายและถ้าเราจะพูดถึงเทคโนโลยีที่เรียกกันทั่วไป ว่าคอมพิวเตอร์ก็คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่รู้จัก เนื่องจากการทำงานทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่
ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์นั้นเป็นคำที่มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การ คำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า “เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์”
คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในการจัดเก็บ คำนวณ ประมวลผลหรืองานต่าง ๆ ตามคำสั่งที่จัดทำขึ้น แล้วบันทึกเก็บไว้ในหน่วยความจำของอุปกรณ์นั้น คอมพิวเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก คือ
ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) มีการทำงานโดยการนำค่าที่เป็นเลขโดด เช่น เลขฐานสอง มาใช้ในการคำนวณ
แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ (Analog Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานโดย การนำค่าตัวแปรที่ต่อเนื่อง เช่น ค่าแรงดันไฟฟ้าในวงจรมาใช้ในการคำนวณ
ไฮบริ ดคอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ลูกผสมระหว่างคอมพิวเตอร์สองแบบแรก
แต่ ในปัจจุบันนี้ เมื่อกล่าวถึงคอมพิวเตอร์เฉยๆ จะหมายถึง ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กัน

สาเหตุที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งานในปัจจุบัน คือ
• คอมพิวเตอร์สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
• คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ไว้ในฐานข้อมูลและเรียกเพื่อนำมาใช้งานได้ทันที ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
• คอมพิวเตอร์สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างๆ ได้โดยระบบประมวลผล ที่มีความถูกต้อง
• คอมพิวเตอร์สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
และตลอดเวลา
• คอมพิวเตอร์สามารถจัดทำเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยระบบประมวลคำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสำนักงานอัตโนมัติ สร้างความสะดวกและ
ประหยัดเวลาในการจัดทำเอกสารแต่ละชนิด




ประโยชน์และการใช้งาน Smart Phone

Smart Phone หมายถึงโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมของ PDA เข้าไป ทำให้สามารถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รับส่งอีเมล์ มีปฏิทิน จัดทำตารางนัดหมาย และ contact เป็นต้น เรียกได้ว่า Smart Phone เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมเลยทีเดียว

คุณสมบัติเด่นของ Smart Phone

ระบบปฏิบัติการ หรือ OS (Operating System) เป็นระบบที่ช่วยให้การทำงานของโทรศัพท์มีประสิทธิภาพ และเป็นตัวกำหนดว่าโปรแกรมต่างๆ ที่จะสามารถติดตั้งเข้ากับ Smart Phone ได้หรือไม่ด้วย สำหรับระบบปฏิบัติการที่เป็นที่นิยมใช้งานบน Smart Phone ได้แก่ Symbian OS, Windows Mobile, Palm OS หรือแม้กระทั่ง Linux OS

อุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้สำหรับ Smart Phone

  • หูฟัง Bluetooth
    หูฟังแบบไร้สาย ที่อาศัยเทคโนโลยี Bluetooth ในการสื่อสาร โดยสามารถพูดคุยได้ โดยไม่จำเป็นต้องวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวเอรา ปกติจะสามารถใช้งานในระยะประมาณ 10 เมตร ทั้งนี้ขึ้นกับประสิทธิภาพของ Bluetooth
  • แป้นพิมพ์ - Keyboard ช่วยให้เกิดความสะดวกในการพิมพ์ข้อความ โดยเฉพาะอีเมล
  • จอยสติ๊ก JoyStick สำหรับเล่นเกมส์บนมือถือ เพื่อความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
  • อื่นๆ อีกมากมาย

PDA Phone, Palm Phone คืออะไร

  • การนำ PDA หรือ Pocket PC มาเพิ่มความสามารถในการใช้งานโทรศัพท์
  • ส่วน Palm Phone ก็คือเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Palm มาเพิ่มความสามารถในการใช้งานโทรศัพท์
ประโยชน์
1. ถ่ายรูป
ต้องขอบอกว่าฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ส่วนมากจะเป็นส่วนที่เราใช้งานมากสุด ยิ่งเดี๋ยวนี้แต่ละรุ่นความชัดก็เทียบเท่ากล้องดิจิตอลกันเลย ไม่ว่าเจออะไรประทับใจเราก็อดเก็บภาพไว้ไม่ได้ หรือ เวลาไปรับประทานอาหารเห็นอาหารที่มาเสริร์ฟหน้าตารับประทานเราก็จะถ่ายรูปไว้ หรือเวลาว่างๆ เราก็จะยกมือถือมาแชะรูปหน้าตัวเอง เสื้อผ้าหน้าผมที่เราแต่งมาว่าเจิดจรัสซักแค่ไหน และเมื่อเรามีมือถืออยู่กับตัวมันก็สะดวกที่จะถ่ายรูปในสถานการณ์ต่างๆใช่ไหมล่ะ
2. แอพแต่งภาพ
หลังจากที่เราถ่ายภาพเสร็จแล้ว เราก็จะต้องมีแต่งภาพใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งในแอนดรอยด์นั้นก็มีแอพสำหรับแต่งภาพให้โหลดฟรีอยู่ไม่น้อยเลย มี filter ให้เราได้เลือกสรรในการแต่งภาพมากมาย และไม่ต้องเดาเลยว่าในมือถือแอนดรอยด์ของเพื่อนๆจะต้องมีแอพแต่งรูปภาพ อย่างน้อย 3 แอพ ขึ้นไปแน่ๆ ที่ฮิตๆก็จะมี Camera360  , Instagram , photo wonder เป็นต้น ซึ่งแอพแต่งภาพแต่ละอันเดี๋ยวนี้ก็จะมีฟังก์ชั่นการ แชร์ภาพเข้า Social Network ให้พร้อม เรียกได้ว่า เป็นกึ่งสำเร็จรูปเลยก็ว่าได้ แต่งภาพ 3 นาทีแล้วพร้อมแชร์ …. เอ๊ะ!! แอพพลิเคชั่นนะคะไม่ใช่มาม่า ^__^
3. Social network
หลายๆคนที่ซื้อมือถือแอนดรอยด์มาใช้ ซึ่งจุดประสงค์หลักที่ต้องการก็คือ การเข้าถึง Social Network อย่าง facebook , twitter , instagram  ฯลฯ ซึ่งจาก 2 ข้อแรก จะเห็นได้ว่าเมื่อเราถ่ายภาพ แต่งภาพออกมา ก็อยากจะให้มีคนเห็น คนชอบภาพที่เราถ่าย ดังนั้น Social network คือประเด็นหลักที่ขาดไปไม่ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญนอกจากภาพที่โดนๆ สังคมออนไลน์ก็สามารถทำได้อีกหลายอย่าง เรียกได้ว่า ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ต้องมี Social network เข้ามาเป็นกิจวัตรประจำวันแน่นอนค่ะ
4. แชท แชท แชท
อีกหนึ่งปัจจัยชอง มือถือแอนดรอยด์ คือต้องมี โปรแกรมแชท ซึ่งตอนนี้ ฟังก์ชั่น การส่ง message แทบจะมีผลน้อยเลยที่เดียวเมื่อเรามี โปรแกรมแชทเข้ามา ซึ่งหลายต่อหลายคนจะเรียกได้ว่า เสพย์ติดการแชทเลยก็ว่าได้ และโปรแกรมแชทในแอนดรอยด์ก็มีให้เลือกมากมายหลากหลาย ที่กำลังฮิตช่วงนี้ หนีไม่พ้น แอพ Line สินะ เพราะแอพนี้เค้ามี ฟังก์ชั่น ส่ง สติ๊กเกอร์ มาเสริมในการบอกความรู้สึก และสติ๊กเกอร์แต่ละอันก็น่ารัก น่าใช้ และสามารถถ่ายทอดอารมณ์เราแทนคำพูดได้ และสามารถตั้งกรุ๊ปดึงเพื่อนๆเข้ามาเมาส์มอยกันเป็นหมู่คณะได้ ทำให้ แอพ Line ชนะเลิศค่ะ ส่วนแอพอื่นๆที่ฮิตๆใช้กันจะเป็นพวก whatsapp , skype , Facebook chat
5. เกมส์
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในมือถือก็คือ เกมส์ ซึ่งในแอนดรอยด์ก็ได้เปรียบคือ ใน market มีเกมส์ให้โหลดฟรีๆ เยอะมากก แบบเสียตังก็มี ทำให้เลือกเล่นกันไม่ถูกเลย จะชอบเกมส์ปลูกผัก หรือ puzzle ผจญภัย ตะลุยด่าน ลับสมอง ประลองปัญญา เรียกได้ว่ามีให้เลือกเล่นได้เพลินๆ ถ้าเบื่อๆก็ลบหาเกมส์ใหม่มาเล่น ได้เรื่อยๆมีทั้งแบบ 3D HD ให้เลือกหามาเล่นส่วนเกมส์ที่แนะนำ คงหนีไม่พ้น เกมส์ยอดฮิต Angry Birds เกมส์นกโกรธที่ฮิตไปทั้วทุกมุมโลก ส่วนเกมส์อื่นๆที่อยากแนะนำก็ jetpack joyride , subwaysurf, Asphalt สามารถเล่นได้เพลินๆเลยค่ะ
6. E-mail
สำคัญมากสำหรับคนทำงาน ด้วยความที่เป็นมือถือสมาร์ทโฟน ทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกยิ่งขึ้นซึ่งในแอนดรอยด์จะมี gmail มาพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณอยู่ส่วนไหน ถ้ามีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ยิ่งถ้าใช้แพ็คเกจเน็ตแบบ unlimited เมลล์ก็จะแจ้งเตือนให้อัตโนมัติ ทำให้เราไม่พลาดงานที่สำคัญๆเลย
7. แผนที่
Google map ติดมากับเครื่องของแอนดรอยด์อยู่แล้วทุกรุ่น เราอยู่ตรงไหน จะไปไหน หา Location หาร้านบริเวณรอบๆที่คุณอยู่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด google map สามารถช่วยคุณได้
8. ดูหนัง-ฟังเพลง
เมื่อมีมือถือซึ่งต้องติดตัวเราไปในทุกสถานที่ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การฟังเพลง หรือ การดูหนัง ซึ่งในแอนดรอยด์ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ถ้าอยากเข้าดูคลิปหนัง ฟังเพลง ดูMV คลิปตลกๆ หรือรายการต่างๆก็แค่เข้าแอพ Youtube หรือ ถ้าอยากดูหนังเกาหลีหรือต่างประเทศ อย่าง BoxTV  ก็มีแอพให้โหลด ไว้ดูกัน หรือถ้าเรามีหนังหรือเพลงในเครื่อง ก็ MX Player หรือ VPlayer
9. โทรฟรี & vdo call
แค่ได้ยินว่า โทรฟรี ก็ร้อง ว้าวๆๆ กันแล้วใช่ไหมล่ะ ในแอนดรอยด์ มีแอพโทรฟรี แถมบางแอพสามารถ vdo call กันได้อีกด้วย ผ่านอินเตอร์เน็ตอยู่หลายแอพด้วยกัน ซึ่งจากที่ลองใช้ดู ความชัดก็ขึ้นอยู่กับสัญญาณอินเตอร์เน็ตของเราและคู่สนทนาค่ะ app แนะนำ ก็จะเป็น Skype ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้ว การคุยฟรีผ่าน skype เราต้องมีไอดี ของกันและกันก่อน นะ ถ้าเป็นการโทรเข้าเบอร์จะมีการเก็บค่าบริการตามระบบของ skype นอกเหนือจาก skype ก็จะมี Line , Viber , Tango ดูเพิ่มเติม
10. อ่าน-เขียน-แก้ไข ไฟล์เอกสาร
ใน แอนดรอยด์หลายๆรุ่น จะมี ตัว Quick office มาให้เราสำหรับการ อ่าน แก้ไข หรือเขียน ไฟล์ word excel PDF หรืออื่นๆ ได้ หรือ เราสามารถหาแอพดีๆ จาก market ได้อย่างพวก document to go เป็นต้น แค่นี้ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน ถ้ามีงานด่วนเข้ามาก็สามารถทำได้ทันที

นี่คือ 10 ประโยชน์จากมือถือแอนดรอยด์ซึ่งที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่แอนดรอยด์สามารถทำได้ ในแอนดรอยด์ยังมีอีกหลายอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เพื่อนๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ในการทำงาน เรียกได้ว่าแค่มีแอนดรอยด์เพียงเครื่องเดียวก็เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวก็ว่าได้ค่ะ วันนี้ lgmobilelover ขอตัวไปก่อนนะคะ หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆรักแอนดรอยด์มากขึ้นและได้ลองใช้ประโยชน์จากแอนดรอยด์ให้คุ้มค่า ส่วนคนที่ตัดสินใจจะซื้อมือถือซักเครื่องลองดูแอนดรอยด์ไว้เป็นตัวเลือก

ประโยชน์และการใช้งาน Tablet

แท็บเล็ท (Tablet)

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้คุณสามารถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนสมุดหรือกระดาษ
"แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้, หินชนวน) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"
 
ในปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเลยทีเดียว เครื่องแท็บเล็ตพีซี มีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถถือได้ด้วยมือเดียวและน้ำหนักเบากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค

แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)

"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน

แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือ แท็บเล็ต - Tablet

"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม" ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต "ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก
 

ความแตกต่างระหว่าง "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"

เริ่มแรก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์ และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า "Wintel"
 
ต่อมาในปี 2010 ได้เกิดแท็บเล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ต - Tablet" ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM นี้ทำให้แท็บเล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บเล็ตตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ ไอแพด (iPad) นั้นเอง
 

Post-PC operating systems

ในปัจจุบันมีความนิยมในการใช้งาน Tablet สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้เกิดการแข่งขันและการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ tablet ขึ้นมาเฉพาะโดยไม่ได้ตามเทคโนโลยีของ PC หรือ PDA เหมือนในอดีต ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมด้าน Hardware หรือ Software ต่างมีผู้ผลิต OS (Operating System) ของตนเองมาแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าย Windows เองก็พยายามจะรักษาตลาดเดิมของ PocketPC เอาไว้ นอกจากนี้ Apple ผู้ผลิต iPad ซึ่งเป็นผู้ที่สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน Tablat อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ก็มี iOS ที่พัฒนาสำหรับ Tablat โดยเฉพาะและมีจุดแข็งในการผลิตฮาร์ดแวร์เองทำให้ OS สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้คู่แข่งสำคัญอย่าง Google ก็มี Android OS ที่มีจุดแข็งในการเปิดให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อื่นๆ สามารถนำ Android OS ไปใช้ได้กับฮาร์ดแวร์ของตน นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ผลิตหลายราย ที่พยายามสร้าง OS ของตนขึ้นมาเพื่อใช้งานกับ Tablat ของตนเอง เช่น Blacberry Tablet OS ที่อิงระบบ QNX หรือ HP ที่พยายามสร้าง webOS เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด แต่ทำไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม Tablat ยังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ในอนาคต Tablat จะเป็นมากกว่ากระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ แต่จะบรรจุเทคโนโลยีมากมาย อีกทั้งความสามารถด้านการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ความสามารถของ Tablat เปิดกว้างมายิ่งขึ้น
 
ประโยชน์ของการใช้ Tablet
1. ใช้แทนตำราเรียนได้ เป็นร้อย ๆ เล่ม ให้อยู่ในเครื่องเดียว
2. ใช้ในการบันทึกการเรียนการสอน สามารถจดบันทึกแบบลายมือเขียน ซึ่งจะเขียนลงไปบนจอภาพหรือว่าจะพิมพ์ข้อความลงไปในเครื่อง สามารถบันทึกเสียง ภาพอาจจะเป็นภาพนิ่งหรือ VDO  เก็บไว้ดูตอนที่เราหรือนักเรียนลืมได้เป็นอย่างดี
3. สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ โดยเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายได้ (wifi) นักเรียนสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้
4. สามารถใช้ Application เป็นสื่อการเรียนการสอนเป็นเครื่องมือฝึกหัด เพื่อเสริมสร้างความรู้ต่าง ๆ ให้นักเรียน เช่น ภาพจาก website , clip VDO ต่าง ๆ
5. ใช้สื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต ครู นักเรียนสามารถติดต่อกันได้ ส่งอีเมล์หากัน พูดคุยปรึกษากันได้ โดยใช้ Application ในเครื่อง
      tablet  เครื่องเดียวเนี้ยใช้ได้หลายอย่างเลยทีเดียว

ประโยชน์และการใช้งาน Notebook

โน้ตบุ๊กควรใช้ในสถานที่ที่มีการถ่ายเทของอากาศที่ไห ลเวียนได้สะดวก และการวางโน้ตบุ๊กไม่ควรวางบนพื้นที่มีความนุ่ม เพราะจะทำให้ไปปิดบังช่องระบายความร้อนใต้เครื่องได้ มีผู้ใช้บางกลุ่มนิยมนำโน้ตบุ๊กไปใช้บนที่นอน ซึ่งไม่ควรทำ เพราะที่นอนมีความนุ่มเวลาวางโน้ตบุ๊กลงไป พื้นด้านล่างจะแนบชิดไปกับที่นอนทั้งหมด ไม่มีช่องระบายความร้อน ซึ่งอาจจะส่งผลให้โน้ตบุ๊กเกิดความร้อนสูง จนแฮงค์และไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้โน้ตบุ๊กในบริเวณที่มีฝ นตก หรือมีความชื้นสูงๆ เพราะจะส่งผลต่อ อุปกรณ์ต่างๆ ภายใน


>> การชาร์จแบตเตอรี่

ผู้ใช้ควรอ่านคำแนะนำในการชาร์จแบตเตอรี่ในคู่มือที่ มีมาให้ทุกครั้ง โดยเฉพาะการชาร์จไฟครั้งแรก ซึ่งจะต้องชาร์จนานกว่าปกติ หลังจากนั้นก็สามารถชาร์จไฟใหม่ได้ถึงแม้ว่าใช้งานแบ ตเตอรี่ยังไม่หมด มีผู้ใช้หลายท่านให้ข้อคิดเห็นว่า เวลาเสียบปลั๊กใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่เต็มแล้ว ไม่ควรจะใส่แบตเตอรี่เอาไว้ในเครื่อง เพราะจะทำให้ เกิดความร้อน และแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว จริงๆ แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง การใส่แบตเตอรี่ค้างเอาไว้ขณะเสียบปลั๊กใช้งานก็เป็น การป้องกันเรื่องของไฟดับกะทันหันได้เช่นกัน เพราะถ้าเกิดไฟดับกระทันหัน จะส่งผลโดยตรงต่อฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่อง ซึ่งอาจจะเสียหายได้ทันที โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยที่ 2 ถึง 3 ปี ตามแต่ลักษณะของการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งก็คงต้องใช้งานให้ถูกวิธีครับ จะช่วยยืด เวลาให้ยาวนานขึ้นไปได้อีกการสำรองข้อมูล

เนื่องจากโน้ตบุ๊กออกแบบมาเพื่อการพกพา ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการกระทบ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะค่อนข้างสูง ดังนั้นควรจะมี การสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันโน้ตบุ๊กจะติดตั้งคอมโบไดรฟ์มาให้อยู่แล ้ว ดังนั้นการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีน่าจะเป็นทางเลือ กที่เหมาะสมมากที่สุดครับ ในการสำรองข้อมูลก็ สามารถใช้คำสั่ง Backup ใน Windows XP จัดการได้เลย เข้าไปที่เมนู Start => Programs => Accessories => System => Backup แล้วทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่มีหน้าจอแสดงขึ้นมาแนะนำ

>> การทำความสะอาดโน้ตบุ๊ก

การทำความสะอาดควรใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดโดยรอบตั วเครื่อง ยกเว้นจอภาพที่ควรจะใช้ผ้าหรือวัสดุที่ออกแบบมาเป็นพ ิเศษ จัดการทำความสะอาด ส่วนตรงคีย์บอร์ดที่มักจะมีฝุ่น หรือเศษผงติดเข้าไปด้านใน ไม่ควรใช้วิธีการเป่า แต่ควรใช้วิธีการดูด อาจจะดูดด้วยเครื่องดูดฝุ่นเพื่อช่วยทำความสะอาดก็ได ้เช่นกัน

>> หลีกเหลี่ยงไม่ให้โดนกระแทก

เวลาพกพาโน้ตบุ๊กไปใช้งานตามที่ต่างๆ ควรจะมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดไปกระแทกกับวัสดุอื่นๆ แล้วจะเกิดการ เสียหายที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจอภาพที่มีความบอบบางเป็นพิเศษ ทุกครั้งก่อนนำไปใช้งาน ควรนำใส่กระเป๋าที่ออกแบบมาเพื่อใส่โน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ เพราะด้านในจะมีการบุด้วยวัสดุกันกระแทก เวลาเกิดไปกระแทกโดย ไม่ตั้งใจ วัสดุเหล่านั้นจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

>> อ่านคู่มือก่อนการใช้งาน

ก่อนการใช้งานทุกครั้ง ผู้ใช้ควรทำความรู้จักโน้ตบุ๊กที่กำลังจะใช้งานให้มา กที่สุด ด้วยการอ่านคู่มือ และคำแนะนำต่างๆ เพื่อการใช้งาน ได้อย่างถูกต้อง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ปกติแล้วคู่มือจะแจ้งรายละเอียดของอุปกรณ์ทุกๆ อย่าง ตำแหน่งของพอร์ต และอุปกรณ์ คำเตือนและคำแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเบอร์โทรสำหรับติดต่อ สอบถามเมื่อโน้ตบุ๊กเกิดปัญหา



:: การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ::

>> เปิดเครื่องไม่ติด

เริ่มต้นจากการตรวจสอบไฟแสดงสถานะเปิดเครื่องก่อนว่า ติดหรือไม่ จากนั้นให้ดูว่าแบตเตอรี่เหลือน้อย หรือหมดแล้วหรือยัง แล้วจึงเสียบปลั๊ก แล้วลองกดปุ่มเปิดใช้งาน ถ้ากดปุ่มเปิดแล้วยังไม่ติด ให้ลองดูว่าคุณเสียบปลั๊กทุกๆ จุดดีแล้วหรือยัง ทั้งที่โน้ตบุ๊ก และช่องเสียบปลั๊กไฟ ถ้าตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ยังเปิดไม่ติดให้รีบติดต่อไปยังศูนย์บริการทันที

>> จอภาพมีจุดสีสว่าง

จอภาพโน้ตบุ๊กอาจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Dead Pixel หรือ Bright Dot ขึ้น อันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตจอแอลซีดี ซึ่งเมื่อเกิดแล้ว คุณควรจะตรวจสอบก่อนว่ามีจำนวนจุดสีที่ผิดปกตินี้กี่ จุด แล้วให้ติดต่อศูนย์บริการว่าสามารถเปลี่ยนหรือแก้ไขไ ด้หรือไม่ ปกติแล้วจะมีข้อกำหนดเอาไว้ว่า หากมี Dead Pixels จำนวนกี่จุด ถึงจะเปลี่ยนได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5 จุดขึ้นไป ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ควรจะสำรวจจอแอ ลซีดีก่อนรับเครื่องทุกครั้งครับ

>> จอภาพแสดงตัวอักษรเบลอ

เกิดมาจากการปรับความละเอียดของจอแอลซีดีไม่ตรงตามสเ ปกที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของจอแอลซีดีที่เราต้องปรับความละเอ ียดให้ตรง เพราะว่าจอแอลซีดีจะระบุจำนวนพิกเซลที่เอาไว้แสดงทั้ งแนวตั้งและแนวนอนเอาไว้ หากปรับไม่ตรง จอภาพจะต้องมีการนำจุดสีหลายๆ จุดมาแสดงเป็นจุดเดียว ทำให้ภาพเกิดความเบลอ ปกติแล้วทั่วๆ ไปจะปรับตั้งกันไว้ที่ 1024768 พิกเซล สามารถเข้าไปปรับได้ที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Settings แล้วเลือกปรับความละเอียดได้เลยครับ

>> จอภาพแสดงตัวอักษรเบลอ

เกิดมาจากการปรับความละเอียดของจอแอลซีดีไม่ตรงตามสเ ปกที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของจอแอลซีดีที่เราต้องปรับความละเอ ียดให้ตรง เพราะว่าจอแอลซีดีจะระบุจำนวนพิกเซลที่เอาไว้แสดงทั้ งแนวตั้งและแนวนอนเอาไว้ หากปรับไม่ตรง จอภาพจะต้องมีการนำจุดสีหลายๆ จุดมาแสดงเป็นจุดเดียว ทำให้ภาพเกิดความเบลอ ปกติแล้วทั่วๆ ไปจะปรับตั้งกันไว้ที่ 1024768 พิกเซล สามารถเข้าไปปรับได้ที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Settings แล้วเลือกปรับความละเอียดได้เลยครับ

>> ตัวอักษรที่แสดงมีขนาดเล็กเกินไป

จากข้อจำกัดในการปรับความละเอียด ทำให้บางครั้งตัวอักษรที่แสดงเล็กเกินไป จะมีปัญหากับผู้ที่สายตาสั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ใน Windows เราสามารถปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ได้ครับเข้าไปที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Appearance แล้วปรับขนาดที่ Font ด้านล่าง ให้เป็น Large Fonts หรือ Extra Large Fonts

>> ต่อโน้ตบุ๊กเข้ากับทีวี แล้วไม่มีภาพ

ก่อนจะไปปรับให้แสดงภาพไปยังทีวี ผู้ใช้ควรเชื่อมต่อสายระหว่างทีวีกับ S-Video พอร์ตเสียก่อน แล้วค่อยเปิดโน้ตบุ๊ก จากนั้นก็ไปปรับให้แสดงผลได้ใน Display Properties

>> ลำโพงไม่มีเสียง

ให้เข้าไปตรวจสอบว่าได้ไปปิดเสียงเอาไว้หรือเปล่า อาจจะกดปุ่มเปิดเสียงจากคีย์บอร์ด หรือว่าเข้าไปที่ Start => Settings => Control Panel => Sound and Audio Devices ตรงส่วนของ Devices Volume นั้นจะต้องไม่มีเครื่องหมายถูกที่หน้า Mute ถ้ามีให้คลิ้กเพื่อเอาออก ในบางกรณีอาจจะเกิดจากการหลงลืมของผู้ใช้เอง บางครั้งอาจจะเสียบหูฟังคาเอาไว้ หรือว่าเสียบแจ็คลำโพงภายนอกอยู่ ทำให้ไม่มีเสียงออกมาที่ลำโพงของตัวโน้ตบุ๊ก ก็คงต้องบอกว่าตรวจสอบให้ดีก่อนนะครับ

>> เครื่องหยุดทำงาน (แฮงค์) บ่อยมากๆ

ปกติอาการเครื่องแฮงค์มักจะมาจากเรื่องของความร้อน เพราะถ้าร้อนมากๆ ซีพียูและอุปกรณ์ต่างๆ มักจะหยุดการทำงาน ตรงจุดนี้เอง อาจจะมาจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การวางโน้ตบุ๊กในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก การวางโน้ตบุ๊กในตำแหน่งที่มีการปิดบังช่องระบายความ ร้อน เป็นต้น

นอกจากนี้อาจจะมีจากความผิดปกติของระบบปฏิบัติการที่ ใช้อยู่ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งคงต้องตรวจสอบไปทีละอุปกรณ์ หรือถ้าไม่มี ความรู้ในการตรวจสอบสามารถเลือกที่จะนำไปรับบริการที ่ศูนย์บริการได้

>> เครื่องทำงานช้า

ปกติเมื่อเราใช้งานไปสักระยะเครื่องมักจะทำงานช้าลง เพราะว่าเราได้ติดตั้งโปรแกรมต่างๆ หรือมีการบันทึกไฟล์ต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก เวลาเรียกเพื่อเปิดใช้งานจะต้องใช้เวลาค้นหาเพื่อเปิ ดอ่านข้อมูลที่นานขึ้น เพราะไฟล์ต่างๆ อาจจะมีการจัดเก็บที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย การจัดเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เป็นระเบียบจะช่วยให้การใช้งานในส่วนต่างๆ ทำได้เร็วขึ้น ซึ่งก็คือการ Defragment นั่นเอง ให้เข้าไปที่ Start => Programs => Accessories => System Tools => Disk Defragmenter แล้วจัดการเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เรียบร้อย

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เครื่องทำงานได้ช้า ก็อาจจะมาจากการที่ผู้ใช้เรื่องติดตั้งโอเอส หรือโปรแกรมใหม่ๆ ที่โน้ตบุ๊กไม่สามารถรองรับได้ ทำให้การทำงานต่างๆ ช้าไปหมด อาจจะแก้ปัญหาด้วยการซื้อเครื่องใหม่ หรือว่าจะอัพเกรดอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ซีพียู หน่วยความจำ หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วสูงขึ้น


ที่มา : http://notebookspec.com


ประโยชน์และการใช้งาน Micro Computer

ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก บางคนเห็นว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานส่วนบุคคล หรือเรียกว่า พีซี (Personal Computer : PC) สามารถใช้เป็นเครื่องต่อเชื่อมในเครือข่าย หรือใช้เป็นเครื่องปลายทาง (terminal) ซึ่งอาจจะทำหน้าที่เป็นเพียงอุปกรณ์รับและแสดงผลสำหรับป้อนข้อมูลและดูผลลัพธ์ โดยดำเนินการการประมวลผลบนเครื่องอื่นในเครือข่าย
อาจจะกล่าวได้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลกลางเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ใช้งานง่าย ทำงานในลักษณะส่วนบุคคลได้ สามารถแบ่งแยกไมโครคอมพิวเตอร์ตามขนาดของเครื่องได้ดังนี้
คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (desktop computer) เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กถูกออกแบบมาให้ตั้งบนโต๊ะ มีการแยกชิ้นส่วนประกอบเป็น ซีพียู จอภาพ และแผงแป้งอักขระ
แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ (laptop computer) เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่วางใช้งานบนตักได้ จอภาพที่ใช้เป็นแบบแบนราบชนิดจอภาพผนึกเหลว (Liquid Crystal Display : LCD) น้ำหนักของเครื่องประมาณ 3-8 กิโลกรัม
โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ (notebook computer) เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดและความหนามากกว่าแล็ปท็อป น้ำหนักประมาณ 1.5-3 กิโลกรัม จอภาพแสดงผลเป็นแบบราบชนิดมีทั้งแบบแสดงผลสีเดียว หรือแบบหลายสี โน้ตบุ๊คที่มีขายทั่วไปมีประสิทธิภาพและความสามารถเหมือน

กับแล็ปท็อ
ปาล์มท็อปคอมพิวเตอร์ (palmtop computer) เป็นไมโครคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานเฉพาะอย่าง เช่นเป็นพจนานุกรม เป็นสมุดจนบันทึกประจำวัน บันทึกการนัดหมายและการเก็บข้อมูลเฉพาะบางอย่างที่สามารถพกพาติดตัวไปมาได้สะดวก


ประโยชน์
ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พีซี (personal computer หรือ PC )
ไมโครคอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรือขนาดเล็กกว่านั้น อาทิเช่น ขนาดสมุดบันทึก (notebook computer) และขนาดฝ่ามือ (palmtop computer) ไมโครคอมพิวเตอร์ได้เริ่มมีขึ้นในปีพ.ศ. 2518 ถึงแม้ว่าในระยะหลัง เครื่องชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพที่สูง แต่เนื่องจากมีราคาไม่แพงและมีขนาดกระทัดรัด ไมโครคอมพิวเตอร์จึงยังเหมาะสำหรับใช้ส่วนตัว ไมโครคอมพิวเตอร์ได้ถูกออกแบบสำหรับใช้ที่บ้าน โรงเรียน และสำนักงานสำหรับที่บ้าน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการทำงบประมาณรายรับรายจ่ายของครอบครัวช่วยทำการบ้านของลูกๆ การค้นคว้าข้อมูลและข่าวสาร การสื่อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรือ E - mail) หรือโทรศัพท์ทางอินเทอร์เน็ต (internet phone) ในการติดต่อทั้งในและนอกประเทศ หรือแม้กระทั่งทางบันเทิง เช่น การเล่นเกมบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ สำหรับที่โรงเรียน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการช่วยสอนนักเรียนในการค้นคว้าข้อมูลจากทั่วโลกสำหรับที่สำนักงาน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการช่วยพิมพ์จดหมายและข้อมูลอื่นๆ เก็บและค้นข้อมูล วิเคราะห์และทำนายยอดซื้อขายล่วงหน้า

    ที่มา : http://www.learners.in.th/blogs/posts/456486

คอมพิวเตอร์คือ

คอมพิวเตอร์คืออะไร
     คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electrinic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นงานชนิดใดก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
  1. รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด หรือ เมาส์
  2. ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
  3. แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
  4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต

ที่มา :  https://sites.google.com/site/wiparat0001/bth-thi-hnung